สื่อเผยแพร่
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

บทความ

ปัญหามลพิษอากาศจากการเผาขยะในที่โล่ง

ปัญหามลพิษอากาศจากการเผาขยะในที่โล่ง ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ทุกคนพูดถึง คือ ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก หรือที่บรรดานักวิชาการเรียกขานว่า ฝุ่น PM2.5 ที่ตอนนี้หันซ้าย หันขวาไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงในประเด็นต่าง ๆ เช่น “แสบจมูกไปหมดแล้วเนี่ย ฝุ่นเยอะ” หรือ “เอ๊ะ นี่มันฝุ่นหรือหมอกเนี่ย ทำไมท้องฟ้าขมุกขมัวจัง” โดยดูเหมือนว่าทุกคนจะเริ่มหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่วันนี้ที่เราจะพูดถึง คือ ฝุ่นกับขยะ แล้วฝุ่นกับขยะเกี่ยวกันได้อย่างไร ฝุ่นก็ฝุ่นซิ ลอยในอากาศไปทั่ว ขยะก็ขยะ เป็นของแข็ง พบเห็นทิ้งทั่วไป แล้วมันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร จริง ๆ แล้ว มันมีความสำคัญอย่างแยกจากกันไม่ได้ และทุกคนก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจมีส่วนทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะอะไรน่ะหรือ...? ทุกคนคงไม่ปฏิเสธว่าทุกวันนี้ทุกคนทำให้เกิดขยะมากน้อยแตกต่างกันออกไป โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม/คน/วัน ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของแต่ละคน เช่น บางครัวเรือนทำอาหารรับประทานเอง ก็อาจจะเกิดขยะจากครัวเรือนซึ่งเป็นเศษอาหารมาก ในขณะที่บางบ้าน เป็นแม่บ้านถุงพลาสติก หลังเลิกงานก็แวะซื้ออาหารจากร้านจำหน่ายอาหาร ขยะที่เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นถุงพลาสติกเป็นส่วนมาก หลังจากนั้นก็จะเกิดเศษอาหารที่เหลือจากการกินในแต่ละมื้อ จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ในปี 2565 ประเทศไทยมีขยะมูลฝอยเกิดขึ้น 25.70 ล้านตัน หรือ 70,411 ตัน/วัน หรือเฉลี่ยเท่ากับ 1.07 กิโลกรัม/คน/วัน ภายหลังจากเกิดขยะขึ้นจากชีวิตประจำวันแล้ว แต่ละครัวเรือนมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป บางครัวเรือน มีการคัดแยกขยะ นำขยะที่สามารถจำหน่ายได้ไปจำหน่ายให้กับรถซาเล้งเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของครัวเรือน หรือแยกเศษอาหารหรือขยะอินทรีย์ เช่น ใบไม้ ต้นไม้ นำไปทำปุ๋ย ในขณะที่บางครัวเรือนรวบรวมขยะทั้งหมดทิ้งใส่ถังขยะเพื่อรอให้กทม.หรือเทศบาลหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบมาเก็บขนไป หรือบางครัวเรือนในต่างจังหวัดที่รถเก็บขนขยะไม่ได้เข้าไปเก็บขนก็จะรวบรวมขยะเหล่านั้นและเผาในที่โล่งบริเวณบ้านเรือนหรือที่พักของตนเอง หรือเรียกว่า การเผาขยะในที่โล่ง ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า การเผาขยะในที่โล่ง คือ การเผาขยะในครัวเรือนที่ดำเนินการโดยตัวผู้พักอาศัยในพื้นที่ของตนเอง โดยทั่วไปแล้วขยะที่ถูกเผา จะเป็นขยะที่เผาไหม้ได้ง่าย เช่น กระดาษ เศษอาหาร เศษกิ่งไม้ใบหญ้า เศษอาหาร และขยะอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นภายในชีวิตประจำวันภายในครัวเรือน หรือแม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งเอง ภายหลังรวบรวมขยะจากครัวเรือนหรือบ้านเรือนต่าง ๆ ได้แล้ว ก็จะทำการเผาเพื่อลดปริมาณขยะที่เก็บขนมาได้รวมทั้งเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับกำจัดขยะต่อไป เมื่อพิจารณาภาพรวมการจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ ปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น 25.70 ล้านตัน ถูกจัดการกันเองโดยบ้านเรือนและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่มีการให้บริการเก็บขน 1.70 ล้านตัน (ร้อยละ 7 ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น) และมีถึงประมาณ 5.40 ล้านตัน (ร้อยละ 21 ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้น) ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยซึ่งดำเนินการไม่ถูกต้อง จำนวน 1,963 แห่ง ประกอบด้วย การเทกองที่มีการควบคุม (Controlled Dump) การเทกอง (Open Dump) การเผากลางแจ้ง (Open Burn) การใช้เตาเผาขนาดที่ไม่มีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษอากาศตามมาทั้งสิ้น มลพิษอากาศที่เกิดขึ้นจาการเผาขยะ ได้แก่ ก๊าซต่างๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ อาทิ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหย รวมทั้งฝุ่นละออง ควัน เถ้า เขม่า นอกจากนี้ ยังอาจพบสารพิษจากการเผาขยะบางประเภท เช่น เบนซิน ไดออกซิน ที่เกิดจากการเผาพลาสติก ซึ่งสารทั้งสองนี้เป็นสารก่อมะเร็ง จากมลพิษที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าการเผาขยะในที่โล่งนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าที่คิดไว้ ในเบื้องต้น อาจทำให้เกิดอาการผื่นคัน คลื่นไส้ และปวดหัว หรือหากระหว่างการเผามีการสูดดมสารพิษเข้าไปก็จะเป็นโรคที่รุนแรงตามมาขึ้นอยู่กับสารพิษที่สูดดมเข้าไป คงถึงเวลาแล้ว ที่เราคงต้องนำหลักการ 3R ง่าย ๆ เข้ามาใช้จัดการขยะเพื่อลดปัญหาและผลกระทบจากมลพิษอากาศจากการเผาขยะในที่โล่ง เริ่มตั้งแต่การลดปริมาณขยะให้น้อยที่สุด (Reduce) ซึ่งจะทำให้ขยะที่ต้องนำไปกำจัดลดน้อยลง ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ การนำขยะที่เกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์ซ้ำ (Reuse) รวมทั้งการนำขยะไปแปรรูปเพื่อนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ (Recycle) เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาขยะและปัญหามลพิษอากาศไปพร้อม ๆ กัน

Card image
…. ตรุษจีนกับมลพิษอากาศ……

…. ตรุษจีนกับมลพิษอากาศ…… ใกล้จะถึงเทศกาลตรุษจีน โดยในปีนี้ วันไหว้ ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ส่วนวันเที่ยว ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนต่างเตรียมตัวกับการไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษแล้ว ซึ่งของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว หวาน ผลไม้ และสิ่งของมงคลต่าง ๆ แต่สิ่งที่มาพร้อมเทศกาลตรุษจีน คือ การควันธูปจากการจุดไหว้ และการเผากระดาษเงินกระดาษทองและการจุดประทัด เพื่อส่งไปให้บรรพบุรุษใช้ภายหลังการเสียชีวิตตามความเชื่อ โดยบรรพบุรุษจะส่งกลับคืนมาให้กับลูกหลาน เพื่อให้ลูกหลานร่ำรวย ดังนั้น จึงมีการจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทองเพื่อหวังให้บรรพบุรุษส่งกลับคืนมามาก ๆ โดยลืมไปว่าระหว่างที่ทำการไหว้และเผากระดาษเงินกระดาษทองเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อมลพิษอากาศและสุขภาพอนามัยทั้งของตนเองและคนรอบข้าง ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ในข่วงเทศกาลตรุษจีน ปริมาณฝุ่น PM2.5 และมลพิษอากาศอื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้นในหลายสถานี โดยเฉพาะบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งมีการจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทองสูง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ระบุว่าควันธูปมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซิน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน มีส่วนประกอบมาจากกาว ขี้เลื่อย น้ำมันหอมและสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม เป็นต้น โดยสารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้ของกาว และน้ำหอม เป็นสำคัญ โดยธูป 1 ดอก จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 325 กรัม และก๊าซมีเทน 7 กรัม ซึ่งมีศักยภาพเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 23 เท่า นอกจากนี้ ยังมีสารพิษอื่นๆ อีก ซึ่งมีส่วนในการก่อให้เกิดมะเร็งชนิดต่างๆ อาทิ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในระบบเลือด มะเร็งปอด และมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ สำหรับกระดาษเงินกระดาษทอง ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ พบว่า กระดาษเงินกระดาษทองแผ่นใหญ่ชนิดฉาบตะกั่ว หรือที่เรียกกันว่า “เงิ่นเตี๋ย” มีปริมาณตะกั่วสูงถึง 85.6 มิลลิกรัมต่อแผ่น กระดาษทองแผ่นเล็กชนิดฉาบตะกั่ว หรือที่เรียกกันว่า “ตั้วกิม” มีปริมาณตะกั่ว 20.8 มิลลิกรัมต่อแผ่น ซึ่งตะกั่วถือเป็นสารโลหะหนักที่ต้องระวังอันตรายในการสัมผัส ซึ่งอาการพิษของตะกั่ว มีทั้งอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องบริเวณรอบสะดือ บ้างอาจมีอาการท้องผูก โลหิตจาง มึนชาอวัยวะแขนขา ไม่มีสมาธิ ความจำถดถอย ถ้าในรายที่มีระดับตะกั่วสูงมากอาจมีอาการชัก ซึม หมดสติ และเสียชีวิตได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลดมลพิษอากาศ ลดฝุ่น PM2.5 และรักษาสุขภาพของเราเอง สิ่งที่เราควรทำ คือ จุดธูปหรือเผาเท่าที่จำเป็นโดยจุดหรือเผาให้น้อยที่สุด เปลี่ยนมาใช้ธูปที่มีขนาดเล็ดลง ความยาวสั้นลง หรือเปลี่ยนมาใช้ธูปไฟฟ้าแทนธูปที่ต้องใช้การจุด หากจำเป็นต้องเผา ต้องไม่ทำในบริเวณที่มีสภาพอากาศเป็นลักษณะปิด หลังการจุดหรือเผาให้หาอะไรปิดหรือพรมน้ำไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายในอากาศ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เผาในที่โล่ง ซึ่งลมอาจพัดพาให้กระฟุ้งกระจายในวงกว้างได้ มาเถอะ…………… มาช่วยกันเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ไปพร้อมกับการรักษาโลกและลดมลภาวะอากาศกัน…… อ้างอิง นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ และ ดร.พนิดา นวสัมฤทธิ์. สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์. อ้างอิงจาก งานวิจัยเผย “ควันธูป” มีสารก่อมะเร็ง. https://www.thaihealth.or.th/งานวิจัยเผย-ควันธูป-มี/#:~:text=ควันธูปมีสาร,ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม. กรมวิทยาศาสตร์บริการ. มลพิษจากกระดาษเงินกระดาษทอง. http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_j/2526_ 102_7.pdf.

Card image
รู้หรือไม่ … มลพิษอากาศเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

รู้หรือไม่ … มลพิษอากาศเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มลพิษอากาศจากฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนทั่วโลก จากรายงานการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพขององค์การอนามัยโลก พบว่า การรับฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด โรคทางเดินหายใจทั้งเรื้อรังและเฉียบพลัน และโรคหอบหืด ซึ่งนอกจากปัจจัยทางกายภาพของฝุ่นแล้ว ยังเป็นผลจากองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น PM2.5 เช่น ซัลเฟต ไนเตรต และคาร์บอน ที่สามารถเข้าสู่ปอด ระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ (WHO, 2019)

Card image
รู้หรือไม่ … มลพิษอากาศคือสาเหตุการเสียชีวิตของมนุษย์ เป็นอันดับ 4 ของโลก ประมาณ 6.67 ล้านคนในปี 2562

รู้หรือไม่ … มลพิษอากาศคือสาเหตุการเสียชีวิตของมนุษย์ เป็นอันดับ 4 ของโลก ประมาณ 6.67 ล้านคนในปี 2562 สถานการณ์ของอากาศโลก (State of Global Air, 2020) ที่รายงานโดย Health Effects Institute พบว่า ในปี 2562 มลพิษอากาศนับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 4 ของสาเหตุการเสียชีวิต คิดเป็น 6.67 ล้านคนของประชากรโลก ซึ่งฝุ่น PM2.5 ในบรรยากาศทั่วไป นับเป็นมลพิษอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากที่สุด (State of Global Air, 2020)


ข่าวประชาสัมพันธ์

Card image
“พ.ร.บ.อากาศสะอาด วาระไทย วาระโลก แก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ลดโลกเดือด”

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ศวอ. ได้รับเชิญจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมกิจกรรม “พ.ร.บ.อากาศสะอาด วาระไทย วาระโลก แก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ลดโลกเดือด” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2567 โดย ศวอ. ได้เข้าร่วมจัดบูธนิทรรศการและเสวนาในงานดังกล่าวดังกล่าว

Card image
การสัมมนาพิเศษ: เรื่อง “คุณพร้อมหรือยัง............กับภัยภิบัติที่เกิดขึ้นทุกวัน? ถอดบทเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” 🗓

📣 ในช่วงที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับอุบัติภัยทางสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นหลายครั้ง และมีความรุนแรงมาก โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 มีทั้งข่าวพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ไฟไหม้บ่อขยะในหลายพื้นที่ ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ข่าวการลักลอบขนกากแคดเมียมส่งผลกระทบในหลายจังหวัด หรือไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีที่จังหวัดระยอง สารแอมโมเนียรั่วที่โรงงานน้ำแข็งที่จังหวัดชลบุรี หรือโรงงานกระดาษเกิดเพลิงไหม้ที่จังหวัดสมุทรสาคร ทุกท่านจะเห็นว่าความถี่ในการเกิดมีความถี่มากขึ้นและความรุนแรงก็มากขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกระจายในทุกพื้นที่ สิ่งที่ควรดำเนินการ คือ การหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น 🌳 ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ จึงได้จัดสัมมนาพิเศษ: เรื่อง “คุณพร้อมหรือยัง............กับภัยภิบัติที่เกิดขึ้นทุกวัน? ถอดบทเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยมีผู้รับผิดชอบดูแลนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มุมมองในส่วนของภาคประชาชน และร่วมกันถอดบทเรียนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร แนวทางการจัดการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และจะดำเนินการต่อไปอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นหรือเมื่อเกิดขึ้นจะมีวิธีการเตรียมความพร้อมหรือรองรับอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.30 – 12.30 น. ณ ห้องเอราวัณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น โดยจัดร่วมกับการประชุมวิชาการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติครั้งที่ 23 และ 13th International Conference on Environmental Engineering, Science and Management โดยสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย วิทยากรประกอบด้วย 🔹 คุณวิรุฬห์ ฤกษ์ธนะขจร ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 10 🔹 รองศาสตราจารย์ ดร.พรพรรณ สกุลคู คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 🔹 อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) 🔹 รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีกุล รองผู้อำนวยการศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) ฝ่ายวิชาการ 🎤 มี รศ.ดร.ดลเดช ตั้งตระการพงษ์ รองผอ. ศวอ. ฝ่ายสื่อสาร และ รศ.ดร.ตระการ ประภัสพงษา โฆษก ศวอ. เป็นผู้ดำเนินรายการ 📍 การสัมมนาได้พิจารณาในทุกมิติ ทั้งในส่วนมิติของสุขภาพ มุมมองจากภาคประชาชน นโยบายการจัดการ และอุตสาหกรรม รวมทั้งแลกเปลี่ยนมุมมอง ถึงแนวทางการจัดการปัญหามลพิษอากาศจากภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ซึ่งจะทำให้เกิดมุมมองรวมทั้งมีการนำเสนอแนวทางการแก้ไขที่หลากหลายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ซึ่งมีข้อเสนอว่าถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับภาคีเครือข่าย ท้องถิ่น จังหวัด ส่วนกลาง เข้าใจรากของปัญหาตรงกัน จะเกิดการบูรณาการอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องทำการแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของการทำผิดระเบียบการเงิน รวมทั้งต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างการแก้ไขปัญหาจึงมีความจำเป็นเพื่อให้เกิดพระราชบัญญัติอากาศสะอาด

Card image
การสัมมนาพิเศษ: เรื่อง “แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ และฝุ่น PM2.5 ในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและสปป.ลาว”

📣 การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องพึ่งพาภาคอุตสาหกรรม เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีกว่าสิ่งที่ตามมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรม คือ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งน้ำเสียที่เกิดขึ้น กากของเสียจากกระบวนการผลิต รวมทั้งมลพิษอากาศที่ระบายออก รวมทั้งฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาที่เป็นข่าวว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบอยู่เป็นระยะ 🌳 ศวอ. ในฐานะองค์กรด้านวิชาการที่ต้องการช่วยผลักดันในการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศโดยอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ไขปัญหา เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหามลพิษอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอยู่ในทุกวันนี้ ดังนั้น ศวอ. จึงได้จัดให้มีการสัมมนาพิเศษ: เรื่อง “แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ และฝุ่น PM2.5 ในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและสปป.ลาว” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 – 17.00 น. ณ ห้องเอราวัณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น โดยจัดร่วมกับการประชุมวิชาการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติครั้งที่ 23 และ 13th International Conference on Environmental Engineering, Science and Management โดยสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย วิทยากรประกอบด้วย 🔹 คุณธงชัย เมืองสนธิ์ อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น 🔹 Mr. Phetvixay KASERMSOUK Deputy Director Environmental and Industrial Safety Division, กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว 🔹 คุณณัฐพงศ์ โพธิวัฒนะชัย นักบริหารแผนงานชำนาญการ สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. 🔹 คุณธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 🔹 อ.ดร.สมพันธ์ เตชะอธิก หัวหน้าโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีผลกระทบต่อสุขภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 🎤 มี อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล ผู้อำนวยการ ศวอ. และ รศ.ดร.ตระการ ประภัสพงษา โฆษก ศวอ. เป็นผู้ดำเนินรายการ 📍 การสัมมนาได้พิจารณาในทุกมิติ ทั้งในส่วนมิติของสุขภาพ มุมมองจากภาคประชาชน นโยบายการจัดการ และอุตสาหกรรม รวมทั้งแลกเปลี่ยนมุมมอง ถึงแนวทางการจัดการปัญหามลพิษอากาศจากภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ซึ่งจะทำให้เกิดมุมมองรวมทั้งมีการนำเสนอแนวทางการแก้ไขที่หลากหลายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ซึ่งมีข้อเสนอว่าการแก้ไขปัญหา ต้องแก้ไขด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง และเข้าใจบริบทของพื้นที่ อันจะนำไปสู่ความเข้าใจอย่างแท้จริง เช่น การเผานาข้าว การดัดแปลงรถยนต์ กระบวนการบำบัดในภาคอุตสาหกรรม อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

Footer